ดอกบัวผุด ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ใครเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า

ภาพจาก https://news.thaipbs.or.th/
วันนี้จะขอเก็บเรื่องราวของ “ดอกไม้” มาฝากกัน โดยเป็นเรื่องของดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลายคนคงจะเคยได้ยิน และรู้จักดอกไม้ชนิดนี้แล้ว ส่วนใครที่ยังไม่รู้ลองทายดูสิคะว่า คือดอกไม้อะไร??? ดอกไม้ที่ว่า คือ “ดอกบัวผุด”
สำหรับบัวผุดเป็นกาฝากชนิดหนึ่ง ที่อาศัยน้ำเลี้ยงจากรากของพืชชนิดอื่น จะโผล่เฉพาะดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินให้เห็นระหว่างฤดูฝนหรือในระยะที่อากาศและพื้นที่ยังมีความชุ่มชื้นสูง คือ ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลำต้นของบัวผุดมีลักษณะเช่นไร มีการเกาะหรือเชื่อมติดกับพืชที่มันอาศัยอยู่อย่างไร
ลักษณะของดอกบัวผุด เมื่อยังตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อหรือกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่มีกลีบหนา จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกจะมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง
ดอกบัวผุดเมื่อยังสดอยู่จะมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม กลีบดอกมีความหนาตั้งแต่ 0.5-1 เซนติเมตร นับว่าเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบในประเทศไทย ในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย เคยมีรายงานว่า พืชสกุลเดียวกันนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอกมากกว่า 100 เซนติเมตร ก็มี
จากผลสำรวจและวิจัย ของฝ่ายพฤษศาสตร์ กองบำรุง กรมป่าไม้ พบว่า บัวผุดพันธุ์ใหม่ ที่พบในประเทศไทยนี้ เป็นพืชกาฝากที่เกาะกินเฉพาะน้ำเลี้ยงจากรากของไม้เถาของว่านป่า “ย่านไก่ต้ม” เพียงชนิดเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในบางครั้งมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นดอกของย่านไก่ต้มซึ่งความจริงแล้วเถาย่านไก่ต้มเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์องุ่น (Vitidaceae) ที่มีเถาขนาดใหญ่พบขึ้นในป่าดิบชื้นทางภาคใต้ที่มีฝนตกอย่างสม่ำเสมอเกือบตลอดทั้งปี พื้นดินเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายตามหุบเขาหรือบริเวณริมลำธาร ดอกย่านไก่ต้มมีสีเขียวอมเหลืองขนาดโตประมาณ 2 เท่าของหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น
จากการศึกษา พบว่า พันธุ์ไม้ตระกูลบัวผุด (Raffiesia) มีประมาณ 13-14 พันธุ์เท่านั้น บัวผุดที่พบในประเทศไทยได้รับการตั้งชื่อเป็นพันธุ์ของโลกเมื่อ พ.ศ.2527 โดย Dr.M.Meijer จากมหาวิทยาลัย Kentucky สหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อพฤกษศาสตร์สากลเพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr.A.F.G.Kerr นายแพทย์ชาวไอริช ผู้สำรวจพันธุ์ไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2472
ถึงแม้ว่าดอกบัวผุดจะมีกลิ่นเหม็นมากก็ตาม แต่เป็นพืชสมุนไพรที่หายากมากและมีคุณค่าสูง คือ นอกจากจะนิยมนำมาใช้ปรุงเป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอด ให้มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงมีผิวพรรณเปล่งปลั่งแล้วยังเป็นยาบำรุงสำหรับบุรุษเพศอีกด้วย
ในปัจจุบันดอกบัวผุดนับว่าจะหาดูได้ยากยิ่ง ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ป่าไม้ถูกทำลายลงไปอย่างมากทำให้สภาพนิเวศน์ของป่าเปลี่ยนไปมาก จะพบดอกบัวผุดบ้างเฉพาะตามอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเท่านั้น เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จังหวัดระยอง เป็นต้น
ถึงแม้ “ดอกบัวผุด” จะเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นเหม็น แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว อย่างไรแล้วเสีย น่าจะให้ดอกไม้หายากอย่าง “ดอกบัวผุด” อยู่คู่ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มากกว่าที่จะนำออกมาขาย หรือเก็บออกมาเพียงเพราะความแปลก ที่อยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ใครเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า ไปชมดอกบัวผุดบาน ก็สามารถติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติคลองพนม และ อุทยานแห่งชาติเขาสก เพื่อสอบถามการบานของดอกบัวผุดและให้เจ้าหน้าที่นำทางเข้าชม

ดอกบัวผุด ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ใครเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า
ที่มา สำนักอุทยานแห่งชาติ – กรมอุทยานแห่งชาติ
“เทศกาลท่องเที่ยว ชมดอกบัวผุดบานที่เขาสก เขาเริ่ม 22-26 กุมภาพันธ์นี้ ดอกบัวผุดบานเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกทั้งยังเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วย
ถ้าจะไปดูดอกบัวผุดบานในจุดนี้ ก็สามารถเดินบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ เดินไม่นานหรอกค่ะแค่เพียง 450 เมตร ก็จะเจอจุดดอกบัวผุดบาน ปกติบัวผุดจะอยู่ในป่าลึกต้องเดินเข้าชมขั้นต่ำประมาณ 1 กิโลเมตรและทางชันกว่าจุดนี้ ปีนี้เลยเดินง่ายหน่อย
ดอกบัวผุดที่พบบานดอกนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 60 เซนติเมตร สีส้มเข้มสวยงาม คาดว่าจะบานไปจนถึงประมาณวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนจะโรยและแห้งสลายไปกับพื้นป่า ซึ่งก็ตรงกับช่วงจัดกิจกรรมเทศกาลท่องเที่ยวที่มีดอกบัวผุดบานให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและนักท่องเที่ยวได้ชมจำนวน 1 ดอก แต่นอกจากดอกบัวผุดบานในจุดนี้ยังพบดอกบัวผุด ที่กำลังตูมและพร้อมจะบานอีกกว่า 80 ดอก ซึ่งจะทยอยบานในเดือนถัดไป
The post ดอกบัวผุด ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ใครเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า appeared first on สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ข่าวการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวในไทย.