“ดอยฟ้าห่มปก”ชวนแบกเป้ เที่ยวหน้าหนาวนี้

หนาวนี้เที่ยว “ดอยฟ้าห่มปก” 

Cr. ภาพ http://nps.dnp.go.th/

อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีภูเขาสลับซับซ้อนและมีความสูงตั้งแต่ 400-2,295 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยมีดอยสำคัญ ได้แก่ ดอยผ้าห่มปก ดอยปู่หมื่น ดอยแหลม และดอยอ่างขาง ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่น่าสนใจ เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และมีทรัพยากรป่าไม้ที่หลากหลาย รวมทั้งมีนก และผีเสื้อหายาก ที่พบเจอได้ที่นี่เท่านั้น เช่น ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก หากนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวต้องติดตามการประกาศของอุทยานอย่างใกล้ชิด เพราะอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จะปิดฤดูกาลท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนของทุกปี

สถานที่น่าสนใจ

ดอยผ้าห่มปก ยอดดอยที่มีความสูงเป็นอันดับที่สองของเมืองไทย ด้วยความสูง 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จึงมีเมฆหมอกปกคลุมยอดดอยและมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ·เดินชมธรรมชาติบนดอยฟ้าห่มปก มีทั้งนกและผีเสื้อที่น่าสนใจ เช่น นกปีกแพรสีม่วง นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ซึ่งพบได้ที่นี่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และในฤดูหนาวที่นี่ยังเป็นแหล่งอาศัยของนกอพยพหลายชนิด เช่น นกเดินดงคอแดง นกเดินดงดำปีกเทา นกเดินดงสีน้ำตาลแดง เป็นต้น ·เที่ยวถ้ำห้วยบอน ภายในมีโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่แต่งแต้มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงาม
·เล่นน้ำที่น้ำตกโป่งดัง น้ำตกหินปูนขนาดเล็กที่มีเสน่ห์ไม่แพ้น้ำตกขนาดใหญ่ และมีถ้ำหินปูนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย
·โป่งน้ำร้อนฝาง ที่มีน้ำแร่ตลอดปี ทั้งยังมีห้องบริการอาบน้ำแร่ทั้งห้องอาบน้ำและอบไอน้ำ รวมทั้งบ่ออาบน้ำร้อนกลางแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายกันอย่างเต็มที่

อัตราค่าเข้าชม
คนไทยผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท

การเดินทาง
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกอยู่ในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงอำเภอฝาง แล้วไปตามถนนฝาง-ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามถนน รพช. 4054 อีกประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงบริเวณบ่อน้ำร้อนฝางซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก สำหรับเส้นทางไปดอยผ้าห่มปกนั้น ควรเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ตามถนนสายฝาง-บ้านห้วยบอน ไปจนถึงบ้านห้วยบอน แล้วตรงไปตามถนนลูกรังอีก 5 กิโลเมตร หลังจากนั้นแยกขวาอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวง และแยกซ้ายไปอีก 5 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งแคมป์พักแรมกิ่วลม การเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยเป็นการเดินเท้าระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินขึ้นและลง
อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกอนุญาตให้นำรถขึ้นดอยผ้าห่มปกได้แล้ว โดยต้องขึ้นดอยก่อน 15.30 น. และต้องใช้รถกระบะเท่านั้น ห้ามนำรถเก๋ง รถตู้ รถบัส ขึ้นดอย เพราะถนนยังเป็นทางลูกรัง ถ้าไม่มีรถขึ้นดอย สามารถติดต่อรถให้บริการได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1,800 บาท ต่อ 8 คน (ค้างคืน) ที่นี่ห้ามก่อกองไฟบนสนามหญ้า โดยทางอุทยานฯ มีเตาถ่านให้เช่า

ที่พัก

บ้านพักจะมีเฉพาะที่น้ำพุร้อนฝาง (ที่ทำการอุทยานฯ) ส่วนบนดอยผ้าห่มปกมีเฉพาะลานกางเต็นท์เท่านั้น สำหรับที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก (น้ำพุร้อนฝาง) สามารถใช้บริการอาบ อบน้ำแร่ และนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพได้ทุกวัน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30 – 19.00 น.

การติดต่อ

อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เลขที่ 224 หมู่ 6 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50110
โทรศัพท์ 08 6430 9748 , 0 5345 3517-8
โทรสาร 0 5345 3517
อีเมล doiphahompok.np@hotmail.com

เที่ยวไทยชิดในหน่อย จะพาไปแอ่วเจียงใหม่ อำเภอฝาง แบกเป้ขึ้นดอยผ้าห่มปก สัมผัสทะเลหมอกจากยอดดอยสูงอันดับ 2 ของไทยจร้า

เราขึ้นดอยผ้าห่มปกกันในช่วงเย็นๆ ค่ะโดยต้องไปติดต่อขอขึ้น และเช่าเต้นท์ให้เรียบร้อยก่อนจาก อุทยานข้างล่าง ซึ่งมีน้ำพุร้อน และ น้ำตกเล็กๆด้วยเนื่องจากเวลาไม่อำนวยจึงไม่ได้เที่ยวในส่วนนั้น

ทางขึ้น ดอยผ้าห่มปกวิบากมาก…ทางเป็นทางดินแดงฝุ่นตลบ แนะนำให้หารถที่คนท้องที่ขับ ขึ้นจะดีกว่า? เมื่อขึ้นไปถึงเราก็กางเต้นท์ ก่อไฟกัน อากาศหนาวมากๆ เลยพากันไม่อาบน้ำ อิอิ หลังจากเตรียมที่นอนเสร็จสรรพ เราก็พากันทำอาหาร พวกปิ้งย่างกินกัน มื้อนั้นอร่อยมาก….

เจริญอาหารกันสุดๆ กินไป ผิงไฟไป ยิ่งดึกลมก็ยิ่งแรงยิ่งหนาว

คืนนั้น….ขอบ่นเล็กน้อย เราพากันเข้านอนประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ เผื่อจะตื่นมาเดินขึ้นเขาอีก 3 กิโลแม้วเผื่อไปชมทะเลหมอก ราวๆ 3 ชั่วโมงเชียวละคะ

แต่เราได้นอนแค่ชั่วโมงเดียว…เพราะ….เพราะ….เพราะ คนเมาเต้นท์ข้างๆ แหกปากร้องเพลงทั้งคืน…..ทรมานสุดๆ เราเองก็ไม่ดีส่วนหนึ่ง เพราะเราเป็นคนหลับยาก คนอื่นๆที่ไปด้วยเค้าก็พอหลับกันได้…. แต่เราไม่สามารถหลับได้เลย ผุดลุกผุดนั่งอยู่ในเต้นท์ทั้งคืน จะออกไป ว่าเค้าก็ไม่กล้าพอ ….ระหว่างที่เค้าแหกปากร้องเพลงอยู่ทั้งคืนนั้น ก็มีผู้หญิงที่คิดว่าเป็นภรรยามา คอยห้ามและชวนไปนอนเป็นระยะๆ แต่เค้าก็มิได้นำพา….สรุปเราผล๊อย หลับไปราวตี3 ตี4 ก็ถูกปลุก

ระยะทางที่ต้องเดินป่าขึ้นเขาไปชมทะเลหมอกนั้น ต้องใช้ไฟฉายส่องทาง พอไปถึงม่อนวัดใจ ซึ่งเป็นทางชันมากนั้น เราก็อ้วกเพราะ เหนื่อยจากการอดนอน แฟนก็ถามว่าไหวมั้ย

เค้าจะพากลับเต้นท์แต่เราขอไปต่ออุตส่าห์มาถึงขนาดนี้แล้ว……อยากเห็นทะเลหมอกซักครั้งในชีวิต

พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆในความมืด มีเพียงแสงไฟจากไฟฉายนำทาง ทางลำบากลาดชันเป็นระยะ หลังจากเดินมานานๆๆๆมากในความรู้สึกของเรา เราก็มาถึง ยอดเขา ตอนนั้นทะเลหมอกยังไม่เกิดพวกเราเลยตัดสินใจนั่งรอ ระหว่างรอเราก็นั่งหลับไป ซะครึ่งชั่วโมงแฟนบอกงั้น เราถูกปลุกขึ้นมาชมทะเลหมอกในราว 7 โมงเช้า

ภาพความสวยงามที่เห็นเบื้องหน้าทำให่เราลืมความง่วง ความเหนื่อยหมดสิ้น? ธรรมชาติช่างอัศจรรย์ จริงๆ เราพากันตะลึงงันไปกับความงามข้างหน้าเลยละค่ะ…..ฟ้าที่เปรียบเหมือนผืนผ้า

หอบห่มขุนเขา ไว้ด้วยทะเลหมอกเมฆ……สวยจังเลยค่ะ

หมอกเริ่ม มามากขึ้นเรื่อย จนเหมือนทะเลจริงๆ แทบอยากจะโดดลงไปแหวกว่าย เลยละค่ะ

นี้ละค่ะ….ที่มาของชื่อ? ดอยฟ้าห่มปก….หรือดอยผ้าห่มปก

ดอกไม้ป่า…กับแสงฟุ่งเฟื้อง….ราวกับความฝัน (ไม่ได้ตกแต่งภาพใดๆ)

นี่ละค่ะ…ทางที่เราขึ้นมาเมื่อเช้า ชันมากๆๆ….แต่ตอนนั้นมันมืด พอเห็นตอนเช้าแล้วงง ขึ้นกันมาได้ไงเนี่ย นี่ถ้าตกลงไปเมื่อเช้า โอย!!!ไม่กล้าคิดเลย

ทางเป็นทางตัดลงไป ดังที่เห็นในภาพ

ชมทะเลหมอก อิ่มอกอิ่มใจแล้วก็พากันเดินกลับเต้นท์

ระหว่างทางก็เดินผ่านผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์….

การเดินทางโดยรถโดยสาร

จากกรุงเทพฯ มีรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯ – ท่าตอน ของบริษัท บขส และ บ.นิววิริยะยานต์

วิ่งให้บริการ รถออกจากท่ารถหมอชิตใหม่ สี่โมงกว่า ห้าโมงกว่า หกโมงกว่า เวลาชัวร์ๆ

โทรไปสอบถามที่สถานีขนส่ง รถจะผ่านเมืองฝางตอนเช้าตรู่ จากฝางเช่ารถเข้าไปยังอุทยาน

หลังจากนั้นก็ติดต่อเจ้าหน้า เสียค่าธรรมเนียม และขึ้นดอย เที่ยวกลับมีรถสายเดิมวิ่งผ่านตอนสี่โมงกว่าๆ ห้าโมงกว่าๆ

ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องโทรไปสอบถามออฟฟิคของรถทัวร์ที่ฝาง หรือถ้าจะเดินทางจากฝางเข้าเชียงใหม่ ก็มีรถตู้ให้บริการ ฝาง-เชียงใหม่

ออกทุกๆ 30 นาที ติดต่อที่ท่ารถตู้ที่ฝาง ไปไม่ถูกเรียกมอไซด์ไปส่งได้เลย ใกล้ๆ ถตู้จะมาจอดที่สถานีช้างเผือก

จากสถานีช้างเผือกจะไปไหนต่อก็เรียกใช้บริการรถสี่ล้อแดง ถ้าประหยัดก็นั่งไปเรื่อยๆ ถ้ารีบๆ ก็เหมาไปเลย ราคาไม่เท่าไร

การขึ้นดอยแต่ละครั้งจะต้องขออนุญาตและมีเจ้าหน้าที่นำทาง

ถ้านำรถโฟร์วีลไปเองก็ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพราะว่าเส้นทางขึ้นยอดดอยมีคานเหล็กขวางกั้น

เจ้าหน้าที่ๆ นำเราขึ้นดอยจะเป็นผู้ไขกุญแจจึงผ่านไปได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันคนท้องถิ่นนำรถขึ้นมาขนของป่า

เช่น สนเกี๊ย หรือของป่าอื่นๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเอารถขึ้นมาได้ก็จะขนกันทีละเยอะๆ แต่ถ้าปิดซะ

ถึงแม้จะมีมอเตอร์ไซด์ผ่านมาได้แต่ก็ขนของได้ไม่มากเท่าไร ตรวจค้นก็ง่าย

สรุปว่าเข้าไปเสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบ ไม่แพง ค่าเข้าคนละ 20 บาท รถคันละ 30 บาท ค่ากลางเต็นท์ 2 คืน 60 บาท

เมื่อขึ้นดอยไปแล้วจะไปชมพระอาทิตย์ตกก็ควรให้เจ้าหน้าที่นำทาง ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่ว่างก็จะจัดคนนำทางท้องถิ่นนำทางให้

บางคณะเดินกันเองเพราะคิดว่าเส้นทางเด่นชัด แต่ปรากฎว่าหลงป่าครับ 2 ทุ่มแล้วยังไม่ลงกันมาอีก

คราวนี้ก็ลำบากเจ้าหน้าที่ ต้องพากันออกไปตาม ก่อนออกไปก็ได้ยิงเสียงปืนดังสามนัดเขาบอกว่ายิงเพื่อให้หมีมันหลบๆ ไป

ที่นี่ถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จริงแต่ว่าในแต่ละปีจะปิดซะเป็นส่วนใหญ่ จะเปิดในช่วงต้นหนาวทำให้สัตว์ป่ายังออกมาหากินกันตามปกติ

หมีตัวใหญ่ๆ มีเยอะ หมาไนฝูงละเป็นร้อยตัว เรื่องความปลอดภัยไม่ควร งก นะค่ะ บริษัททัวร์ก็ไม่ควรประหยัดค่าเจ้าหน้าที่นำทาง

พาเดินโดยที่ตนเองยังไม่รู้เส้นทางก็หลง ถ้าหลงต้องนอนในป่าล่ะก็ลำบากแน่สำหรับป่านี้

ถึงแม้ออกมาได้ก็ต้องผ่านดงต้นช้างร้องซึ่งที่นี่มีเป็นดงๆ ทั่วไปหมด ไม่คุ้มเลย ใช้เจ้าหน้าที่นำทางดีกว่า หลงก็ไม่หลง

ถามข้อมูลก็รู้ เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ย่อมมีความรู้ความชำนาญพื้นที่ดีกว่าเรา หรืออย่างน้อยก็ทำให้นักท่องเที่ยวสบายใจ

การเดินทางสู่ยอดดอย

จากจุดพักแรมสามารถเดินขึ้นไปยังจุดสูงสุดของดอยผ้าห่มปกเพียง 2 ชั่วโมง ควรมีเจ้าหน้านำทางดังเหตุผลข้างบนค่ะ

“ดอยฟ้าห่มปก” ชวนแบกเป้ เที่ยวหน้าหนาวนี้

The post “ดอยฟ้าห่มปก” ชวนแบกเป้ เที่ยวหน้าหนาวนี้ appeared first on สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ข่าวการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวในไทย.