เมืองนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย แต่จุดหมายในวันนี้คือการไปเยือนพระราชวัง
ความตื่นตาตื่นใจในเดนมาร์กกำลังจะเริ่มต้น แต่ก็ยังคงสาละวนอยู่ในเมืองหลวงอย่างโคเปนเฮเกน เพราะเมืองนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจใคร่รู้รออยู่มากมาย วันนี้ขอแต่งตัวดีๆ เพื่อให้เกียรติสถานที่กันสักนิด ซึ่งในชีวิตก็ไม่ค่อยจะได้พิถีพิถันอะไรสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากจุดหมายในวันนี้คือการไปเยือนพระราชวัง ซึ่งไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นถึงสองแห่งในวันเดียว ถ้าพร้อมแล้วก็ตบเท้าเข้าแถวตามกันมา พระราชวังแห่งแรกที่โดดเด่นเป็นสง่าคอยท่าอยู่เบื้องหน้าคือ
Amalienborg Palace (พระราชวัง อามาเลียนบอร์ก) เป็นสถานที่ประทับในช่วงฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์กมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1794 ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโคเปนเฮเกน ตัวสถาปัตยกรรมภายนอก และการตกแต่งภายในอาคารพระราชวังเป็นสไตล์ร็อคโคโค
บริเวณพระราชวังประกอบด้วยสี่ส่วนหลักๆ และด้านหนึ่งได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยว และบุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมห้องต่างๆ ที่เคยเป็นที่พำนักของราชวงศ์ในอดีตเมื่อปีค.ศ.1863-1947 เมื่อเดินเข้ามาภายในบริเวณพระราชวัง สิ่งแรกที่พบคืออนุสาวรีย์ของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่4 ทรงประทับอยู่บนหลังม้า ตั้งอยู่ตรงกลางลานแปดเหลี่ยม
ซึ่งพระเจ้าเฟรดเดอริกที่4 ทรงเป็นผู้ก่อตั้งและพำนัก ณ พระราชวังอามาเลียนบอร์กแห่งนี้ จากนั้น พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ต่างใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่พำนักสืบต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากสมเด็จพระราชินีนาถแห่งเดนมาร์กได้เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้ ทางพระราชวังก็จะมีการสับเปลี่ยนทหารยามหน้าวังทุกวันในตอนเที่ยง และหากมาตอนช่วงที่เค้ากำลังเปลี่ยนทหารยามกันล่ะก็ จะได้ดูเหล่าทหารเดนนิชเดินสวนสนามกันอย่างเป็นระเบียบ เพลินตาเลยทีเดียว เห็นแล้วอยากกินคุ๊กกี้กล่องแดงที่บ้านเราจัง มันจะเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย
ขอหยุดความคิดและสะกดความหิวเพื่อไปลุยต่อกันอีกหนึ่งพระราชวังเลยดีกว่าที่ “ปราสาทเฟรเดอริคส์บอร์ก”
Frederiksborg Palace (ปราสาทเฟรเดอริคส์บอร์ก หรือ พระราชวังเฟรเดอริคส์บอร์ก) คือปราสาทที่งดงามในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบเลอเนซอง สร้างขึ้นโดย พระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 2 และเป็นที่ประทับของกษัตริย์คริสเตียนที่ ในราวศตวรรษที่17
ในอดีตพระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนา และพิธีสำคัญอื่นๆ ของพระมหากษัตริย์อย่างเช่น พิธีปราบดาภิเษก และยังเป็นสถานที่เก็บของสะสม ตลอดจนผลงานศิลปะของเชื้อพระวงศ์อีกด้วย จึงเปรียบเสมือนเป็นสถานที่แห่งชาติที่ชาวเดนนิชภาคภูมิใจ
ปราสาทหรือพระราชวังเฟรเดอริคส์บอร์ก ตั้งอยู่บนทะเลสาบที่สวยงามในเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางประวัติศาสตร์ของประเทศเดนมาร์ก ภายในตกแต่งด้วยความวิจิตรอ่อนช้อยอร่ามตาไปด้วยสีทองตามแบบฉบับเลอเนซอง และมีห้องจัดแสดงกว่า 70 ห้องที่เปิดให้เข้าชม บนเพดานเกือบทั้งพระราชวังเป็นงานจิตรกรรมของจิตรกรที่มีชื่อเสียง อันแสดงถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บริเวณโดยรอบพระราชวังมีการตกแต่งสวนอันเขียวชอุ่มในรูปแบบของบารอค ซึ่งนับว่าคุ้มค่าต่อสายตาผู้มาเยือนจริงๆ
หลังจากซึบซับดูดดื่มกับชาววังกันแล้ว ขอนำทางไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวเมืองเดนนิชกันบ้าง โดยเดินลัดเลาะไปเรื่อย เพื่อจะไปสัมผัสการคมนาคมของชีวิตคนเมืองโคเปนเฮเกนที่สถานีรถไฟ แต่ก็ต้องขอหยุดพักเท้ากันสักนิด ณ ที่ทำเลเหมาะแห่งนี้ เพราะมีตำนานที่น่าสนใจไม่เบา ซึ่งมันก็ฉุดกระชากต่อมใคร่รู้ให้ทำงานอีกครั้ง อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโคเปนเฮเกนเช่นกัน
Gefion Fountain (น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน) เป็นน้ำพุขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตา คล้ายธารน้ำตกที่ไหลริน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าท่าเรือเมืองโคเปนเฮเกน มีตำนานเล่าว่า ราชินีเกฟิออนได้รับมอบหมายจากเทพเจ้าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ให้กอบกู้ชาติบ้านเมือง พระนางจึงให้พระโอรสทั้งสี่ของพระองค์แปลงกายเป็นพระโค เพื่อช่วยกันไถพื้นดินจนกลายเป็นแผ่นดินเดนมาร์กในปัจจุบัน แล้วชาวเดนนิชก็ได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระนางและพระโอรสทั้งสี่พระองค์ไว้เพื่อเป็นเกียรติ และเพื่อเป็นการระลึกถึง อืม…แปลกดีแฮะ ตำนานของฝรั่งเนี่ย
แต่สถานที่แห่งนี้มันให้ความร่มรื่นได้ดีจริงๆ เพราะเสียงสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ บวกกับละอองน้อยๆ ที่กระเซ็นมาให้ความชุ่มชื่น ชวนให้เปลือกตาเริ่มคล้อยลงต่ำ เห็นทีจะต้องยืดเส้นยืดสายแล้วไปกันต่อดีกว่า กับสถานีรถไฟ เป้าหมายของวันนี้ แต่ไม่ได้เดินทางไปไหนหรอก ก็แค่ไปนั่งดูวิถีชีวิตของคนที่นี่ว่าเค้าจะรีบเร่งเหมือนคนบ้านเรามั้ย
Copenhagen Central Station (สถานีรถไฟโคเปนเฮเกน) เป็นศูนย์กลางการขนส่งและคมนาคมของเมืองโคเปนเฮเกนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก และเป็นเส้นทางของการเดินรถไฟแห่งประเทศ โดยรถไฟทุกสายจะมีเส้นทางเดินรถไปทั่วทั้งประเทศเดนมาร์ก รวมถึงประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป จึงมีผู้คนหนาแน่น ต่างแบกเป้ ลากกระเป๋า แล้วแต่จุดหมายปลายทางที่ใกล้ไกลแตกต่างกัน
ใกล้ๆ สถานีรถไฟแห่งนี้ยังมีสวนสนุกทิโวลี ซึ่งเป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก สร้างขึ้นราวศตวรรษที่19 โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูร้อน และก่อนวันคริสต์มาสหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งชาวเดนนิชถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ โดยที่จะต้องออกมาเดินเล่นที่สวนสนุกแห่งนี้เป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูร้อน
ชีวิตคนเมืองที่นี่ก็รีบเร่ง และพลุกพล่านเหมือนเมืองใหญ่ของทุกประเทศทั่วโลก ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสาวเท้าได้เร็วกว่ากัน แต่เราเลือกที่จะสาวเท้าช้าๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อไปตามหาบรรพบุรุษนักรบ ผู้ถ่ายทอดสายพันธุ์ชาวเดนนิชที่พิพิธภัณฑ์กันในตอนหน้าดีกว่า
ที่มา: emaginfo.com
เที่ยวต่างประเทศ, เที่ยวทั่วโลก, ท่องเที่ยวต่างประเทศ
The post ลัดเลาะพระราชวัง เดนมาร์ก – เที่ยวยุโรป appeared first on สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ข่าวการท่องเที่ยว, สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย.